วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ไอซีที ส่อเสียค่าโง่ มือถือ เปิดช่องเอกชนสะดวกจ่าย

ไอซีที ส่อเสียค่าโง่ มือถือ เปิดช่องเอกชนสะดวกจ่าย



‘ไอซีที’ส่อเสียค่าโง่‘มือถือ’เปิดช่องเอกชนสะดวกจ่าย (ไทยโพสต์)

          ค่าเสียหาย 3 ค่ายมือถือกำลังกลายเป็น "ค่าโง่" หลังปลัดไอซีทีเปิดช่องเอาใจเอกชนเต็มรูป บอกไม่ต้องจ่ายเต็ม พร้อมให้เสนอทางเลือกมา อ้างเฉยไม่อยากกระทบผู้ใช้ บรรยากาศลงทุน? "นักวิชาการ" ชี้ส่อแววมวยล้ม


          มติคณะรัฐมนตรีที่มอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ไปเจรจากับผู้ได้รับสัมปทานมือถือในเรื่องค่าเสียหายรวมเกือบแสนล้านบาทภายใน 15 วัน อาจกลายเป็นค่าโง่ของภาครัฐแล้ว

          เมื่อนางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงไอซีที ในฐานะประธานคณะกรรมการเจรจา 3 ผู้ให้บริการมือถือ กล่าวว่า การเจรจาที่จะเกิดขึ้นต้องอยู่บนพื้นฐานที่เอกชนยอมรับได้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าเอกชนไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายทั้งหมด หรือเสนอแนวทางที่เอกชนพอใจ และรัฐบาลรับได้ เพราะรัฐไม่ได้ต้องการทำให้เอกชนเสียหาย เพราะคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนผู้ใช้บริการเป็นหลัก รวมถึงบรรยากาศการลงทุน ผลกระทบทางธุรกิจ ซึ่งหากรัฐไม่ได้คำนึงถึงจุดนี้ คณะกรรมการเจรจาคงไม่เกิดขึ้น และคงเรียกค่าเสียหายตามความเห็นของคณะกรรมการมาตรา 22 และ 13 ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) ที่เสนอให้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเอกชนรวมมูลค่าเกือบแสนล้านบาทไปแล้ว

          "การเจรจาจะเริ่มจากการแก้ไขสัญญาที่ไม่ถูกต้อง และสร้างความเสียหายให้รัฐเท่าไร แล้วนำมูลค่าความเสียหายมาถกกับเอกชนว่าจะชดใช้จุดนี้ยังไง ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบนโต๊ะเจรจา จึงยังไม่สามารถแจงรายละเอียดตอนนี้ แต่เชื่อว่าทั้งหมดจะจบลงด้วยดี" นางจีราวรรณกล่าว

          เธอระบุว่า จุดประสงค์ของการเจรจา เพื่อทำให้การแก้ไขสัญญาที่ไม่ถูกต้องเข้าสู่ขั้นตอนทางกฎหมายที่ถูกต้อง เพราคณะกรรมการมีตัวแทนของฝ่ายกฎหมายอยู่แล้ว และไม่ว่าผลเจรจาครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ครม.จะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย

          ด้านนายอานุภาพ ถิรลาภ นักวิชาการอิสระด้านสื่อสารและสารสนเทศ มองเรื่องนี้ว่า หากรัฐมองว่าเอกชนผิดจริงก็ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะเจรจาแต่อย่างใด โดยควรเรียกค่าปรับหรือค่าเสียหายทันที และไม่ควรใช้แนวทางผ่อนส่งค่าเสียหายตามที่นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีไอซีทีเสนอด้วย

          "กลัวว่างานนี้จะเป็นมวยล้มต้มคนดู ลิเกหลงโรง หรือจับคนเป็นมาเป็นตัวประกัน เพราะที่ผ่านมาเอกชนไม่เคยยอมรับว่าผิดแล้ว อยู่ดี ๆ จะมาเจรจาเรื่องความเสียหาย ซึ่งเรื่องนี้หากรัฐบาลมองว่าผิดจริงก็ควรทำทุกอย่างให้กระจ่าง เพื่อไม่ให้สำนวนอ่อน เพราะถ้าเป็นเช่นนี้เรื่องถึงขั้นฟ้องร้องรัฐก็มีโอกาสแพ้สูง" นายอานุภาพกล่าว และว่า รัฐยังควรเร่งดำเนินการในเรื่องของสัมปทานดาวเทียมไทยคมที่ยังมีปัญหาอยู่ด้วย
          ในขณะที่นายจุติกล่าวถึงปัญหาสัมปทานดาวเทียมไทยคมว่า อีก 1-2 สัปดาห์น่าจะนำผลสรุปจากคณะกรรมการมาตรา 22 บรรจุในวาระเพื่อให้ ครม.พิจารณาได้ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการมาตรา 22 ที่มีนายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงไอซีทีเป็นประธาน อยู่ระหว่างการสรุปข้อมูล

          โดยที่ผ่านมาคณะกรรมการฯ ได้เสนอแนวทางการแก้ไข 3 ข้อ คือ 


          1. ให้ไทยคมคืนเงินประกันค่าสินไหม 6.7 ล้านดอลลาร์ที่ได้จากที่ดาวเทียมไทยคม 3 เสียหาย และต้องปลดระวางก่อนกำหนดมาให้ไอซีที

          2. กรณีการยิงไอพีสตาร์ ซึ่งไม่ใช่ดาวเทียมสำรองไทยคม 3 สำนักงานกิจการอวกาศ ต้องประสานงานไปยังบริษัทว่าต้องจัดสร้างดาวเทียมสำรองไทยคม 3 ที่มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง และยิงดาวเทียมสำรองดวงใหม่

          3. การปรับลดสัดส่วนถือหุ้นจาก 51% เหลือ 40% โดยไม่ผ่าน ครม.นั้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ต้องกลับไปถือครองหุ้นในสัดส่วนเท่าเดิมคือ 51

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น